เราเชื่อเรื่องหน้าต่าง ไม่ใช่ผนัง ดังนั้นเราจึงใช้วีเนียร์ใสใน ear (1) เพื่อขับเน้นงานฝีมือภายใน และเผยให้เห็นความงดงามในของเทคโนโลยีของเรา
เมื่อคุณต้องการความเงียบสงบ ให้เปิดการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟเพื่อตัดเสียงรบกวนที่ไม่ต้องการ เหมาะสำหรับใช้บนเครื่องบินหรือที่ทำงาน และเมื่อคุณต้องการให้โลกกลับคืนสู่สภาพเดิม โหมดโปร่งใสจะนำเสียงรอบข้างของคุณกลับมาเพียงแค่สัมผัส
เราได้สร้างหนทางสู่ประสบการณ์เสียงอันเป็นที่สุด ทั้งความคมชัด และการเชื่อมต่อที่ลื่นไหล ด้วยไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 11.6 มม. และช่องลมที่กว้าง ให้ประสิทธิภาพของเสียงเบส กลาง และแหลมในระดับสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกปรับจูนโดย Teenage Engineering™.
Nothing Ear (1) ใช้เทคโนโลยี Clear Voice และไมโครโฟนความละเอียดสูงสามตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงที่เข้ามาสู่ไมโครโฟนเป็นเสียงของคุณจริงๆ ในขณะที่คุณพูดอัลกอริธึมขั้นสูงจะทำการวิเคราะห์เสียงของคุณออกจากข้อมูลเสียงนับล้าน (แยกได้แม้กระทั่งความเร็วลมสูงถึง 40 กม./ชม.) เพื่อตัดเสียงรอบข้างและขยายเสียงของคุณด้วยความแม่นยำอันน่าทึ่ง
ตัวหูฟังสามารถฟังเพลงได้นาน 5 ชั่วโมง และ34ชั่วโมงเมื่อใช่ร่วมกันเคส ตัวเคสมีขนาดกระทัดรัดที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างหรูหรา พร้อมรองรับการชาร์จแบบไร้สาย และสามารถชาร์จหูฟังของคุณได้อย่างรวดเร็ว
ตัวหูฟังมีน้ำหนักเพียง 4.7 กรัม ให้ความสบายสูงสุดด้วยช่องระบายอากาศที่ลดแรงดัน การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ และจุกซิลิโคนสามขนาดเพื่อความเหมาะสมกับหูของคุณ ด้วยสิ่งเหล่านี้อาจทำให้คุณลืมไปเลยว่ากำลังสวมใส่มันอยู่ และนั่นคือสิ่งที่เราต้องการ
การตั้งค่าอุปกรณ์ทั้งหมดผสานรวมอยู่ใน
Phone (1) ปรับแต่งอีควอไลเซอร์
การควบคุมด้วยท่าทาง ค้นหาหูฟังของฉัน และอื่นๆ อีกมากมายใน
"รายละเอียดอุปกรณ์" ผ่าน "ผ่านการตั้งค่าด่วน"
หากคุณมีอุปกรณ์ Android หรือ iOS อีกเครื่อง ให้ดาวน์โหลดแอป Nothing X เพื่อเข้าใช้คุณสมบัติแบบเดียวกันได้
หยุดเล่นเพลงหรือวิดีโอโดยอัตโนมัติเมื่อถอดหูฟังข้างหนึ่งออก เมื่อคุณพร้อมที่จะเล่นต่อก็เพียงแค่ใส่หูฟังกลับเข้าไปเท่านั้น
ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าหมายถึงประสิทธิภาพที่ดีกว่า เราเริ่มต้นด้วยการทำงานร่วมกับบุคคลที่สามที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่น SGS ที่อยู่ในเจนีวา เพื่อประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของ Ear (1) ในการทำให้คาร์บอนฟุตพรินท์ 1.78 กก. เป็นกลาง เรานำใบรับรองพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกระบวนการผลิต แล้วซื้อคาร์บอนเครดิตเพิ่มจาก Verified Carbon Standard เพื่อชดเชยการปล่อยไอเสียที่ยังมีอยู่